ผวจ.ภูเก็ต ไฟเขียวคุมเข้มคัดกรองบุคคลเข้าจังหวัดจากพื้นที่สีแดงเข้มและสีแดง เริ่ม 15 ก.ค.นี้ ต้องฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม หรือฉีดแอสตราฯ 1 เข็ม นาน 14 วัน หากเคยป่วยโควิดต้องหายมานานกว่า 90 วัน
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยหลังการประชุมทางไกลกับศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริการสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ว่า จังหวัดภูเก็ตได้มีการยกระดับความเข้มข้นในการเดินทางเข้าจังหวัดขึ้นอีก โดยการออกคำสั่งที่ 3860/2564 เรื่อง กำหนดมาตรการตรวจคัดกรองการเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ต ตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศเริ่มสูงขึ้น โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคมนี้
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวต่อว่า โดยบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด 10 จังหวัด หรือสีแดงเข้ม และพื้นที่ควบคุมสูงสุด 24 จังหวัด สีแดง รวม 34 จังหวัด ซึ่งจะเข้ามายังจังหวัดภูเก็ตได้จะต้องฉีดวัคซีนครบโดสตามชนิดวัคซีน และหากเป็น AstraZeneca ที่ฉีด 1 เข็มแล้วก็ต้องรอให้ครบ 14 วันจึงจะเดินทางเข้ามาได้ หรือเป็นผู้ที่หายจากอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 มาแล้วไม่เกิน 90 วัน และจะต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธีการ RT-PCR หรือวิธีการ Antigen Test ไม่เกิน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการตรวจ ยกเว้นเด็กอายุไม่เกินอายุ 6 ปีที่เดินทางมากับผู้ปกครอง
นายณรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับบุคคลที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นนอกจากนี้ยังคงปฏิบัติเช่นเดิม คือ รับการฉีดวัคซีนครบโดสตามชนิดวัคซีน หรือหายจากโรคโควิด-19 ไม่เกิน 90 วัน หรือตรวจหาเชื้อโควิดมาแล้วไม่เกิน 7 วัน พร้อมกันนี้ผู้ที่เดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” และยินยอมเปิดแชร์ตำแหน่งที่ตั้งตลอดระยะเวลาที่อยู่ในจังหวัดภูเก็ต และหากพบว่ามีอาการป่วยหรือสงสัยว่ามีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ให้รีบไปพบแพทย์
ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวด้วยว่า ขอให้ประชาชนที่ผู้ที่ประสงค์จะเดินทางเข้าจังหวัดภูเก็ตทุกช่องทางให้มีการตรวจสอบให้ละเอียดก่อนการเดินทางว่าต้องมีการเตรียมตัวก่อนการเดินทางอย่างไรเพื่อลดปัญหาการไม่อนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่ และผู้ที่เข้ามาต้องปฏิบัติตามคำสั่งและมาตรการของจังหวัดภูเก็ตอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้การที่จังหวัดภูเก็ตต้องเพิ่มความเข้มงวดดังกล่าว เพื่อเป็นการป้องกันการเคลื่อนย้ายของคนเนื่องจากในขณะนี้หลายจังหวัดมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นทางจังหวัดจึงต้องมีการวางมาตรการป้องกันโรคให้เข้มข้นยิ่งขึ้น.