เผยแพร่:
ปรับปรุง:
ศูนย์ข่าวภูเก็ต – “อิทธิพร สังข์แก้ว” หรือ “รองวิม” ผู้สมัครชิงเกาอี้นายกกะรน จ.ภูเก็ต ออกโรงแจงเงินประกันความเสียหายโครงการ “เดอะพีค” 3 ล้าน เก็บอยู่ในกองคลังเทศบาล ไม่ได้หายไปใหน มั่นใจนโยบายตรงกับความต้องการ นำ“กะตะ – กะรน”ไปสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าอยู่อย่างยังยืน
วันนี้ (25 มี.ค.) นายอิทธิพร สังข์แก้ว หรือ “รองวิม” ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลกะรน เบอร์ 2 หัวหน้ากลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้า เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาร่วม 2 เดือน ที่ได้ลงพื้นที่พบปะประชา นำเสนอนโยบายตนและกลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้า ได้มีโอกาสพบปะพี่น้องชาวกะตะกะรนทุกครัวเรือน ได้รับฟังปัญหา และความต้องการต่างๆ ซึ่งตนก็ได้นำสิ่งเหล่านี้มาปรับเปลี่ยนเป็นนโยบายหลักๆ 4 ด้าน ประกอบด้วย
1.ด้านการฟื้นเศรษฐกิจ เพื่อให้พี่น้องชาวกะตะกะรนสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ในระหว่างรอให้การท่องเที่ยวฟื้นตัว 2.พัฒนากะตะกะรนสู่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี 3.ส่งเสริมคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในด้านการศึกษา, สาธารณะสุข และสุขภาพที่ดีของประชาชน 4.ด้านพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพ และดูแลสิ่งแวดล้อมให้ดีที่สุด รวมถึงการฝึกอบรมบุคลากร และเตรียมความพร้อมอุปกรณ์-เครื่องมือ ให้มีความพร้อมตลอดเวลา เพื่อช่วยเหลือประชาชนเมื่อเผชิญเหตุฉุกเฉิน และภัยพิบัติต่างๆ
โดยรายละเอียดของนโยบายต่างๆ นั้นกลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้าได้จัดทำเป็นเอกสารประกอบการหาเสียง แจกจ่ายไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างครบถ้วนแล้ว โดยตนมั่นใจว่า ด้วยนโยบายที่มีความรอบด้าน ดูแลคนทุกกลุ่มทุกกวัย สามารถตอบสนองต่อกานเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกยุคปัจจุบัน บวกกับประสบการณ์การทำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่องของตนและกลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้าทุกคน จะนำพา “กะตะกะรน” ไปสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าอยู่อย่างยังยืน ได้อย่างแน่นอน
นายอิทธิพร ยังได้กล่าวขอบคุณชาวกะตะกะรน ที่เปิดโอกาสให้ตนและกลุ่มท้องถิ่นก้าวหน้า ได้ชี้แจงถึงข้อสงสัย และข้อโจมตีต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมไป ถึงกรณีการสอบถามผ่านสื่อโซเชียลเรื่อง “เงินค่าประกันความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของที่ดิน (โครงการ “เดอะพีค เรสซิเดนซ์” ต.กะรน จ.ภูเก็ต) จำนวน 3,000,000 บาท ว่าเงินดังกล่าวถูกเก็บไว้ที่ใหน ซึ่งเรื่องนี้ตอบไม่ยาก และไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใด สามารถตรวจสอบได้ หากต้องการทราบเรื่องนี้ก็สามารถสอบถามไปยังปลัดเทศบาลฯ ได้อยู่แล้ว
โดยเงินประกัน 3,000,000 บาทนั้น มีที่มาจากที่มีผู้ร้องเรียนว่าบริษัทกะตะบีช จำกัด จดทะเบียนแค่หนึ่งล้านบาท หากศาลปกครองสูงสุดพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทางบริษัทหนีไป ใครจะรับผิดชอบในการรื้อถอน เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้นมาทางบริษัทกะตะบีช จำกัด จึงแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าจะไม่หนี และจะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด และได้แสดงความจำนงเพื่อประกันความเสียหายในกรณีที่บริษัทฯ ไม่ยินยอมรื้อถอน ก็ให้เทศบาลนำเงินจำนวนนี้ไปเป็นค่าดำเนินการรื้อถอนได้เลย โดยเงินดังกล่าวได้นำเข้าเป็นเงินอยู่ในกองคลังของเทศบาลตำบลกะรน ซึ่งเรื่องนี้มีปรากฎในรายงานการประชุมไว้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามการตั้งคำถามดังกล่าวเชื่อว่าประชาชนน่าจะทราบเจตนารมณ์ดีอยู่แล้ว ตนในฐานะที่เคยเป็นผู้บริหารเทศบาลตำบลกะรน หากสื่อมวลชนต้องการที่จะทราบความคืบหน้าในส่วนที่เกี่ยวข้องตนก็ยินดีที่จะให้คำตอบกรณีนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความคลุมเครือต่อความเข้าใจของพี่น้องชาวกะตะ- กะรน และประชาชนทั่วไป ตนขอชี้แจงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทศบาลฯ ก็คือ “เรื่องการอนุญาตให้ก่อสร้างอาคาร” กรณีนี้เป็นโครงการขนาดใหญ่จะต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน มีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเป็นคณะผู้พิจารณาทุกๆเรื่อง
หลังจากมติที่ประชุมให้ความเห็นชอบโครงการแล้ว โครงการจึงมาขออนุญาตตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ. 2522 ซึ่งเทศบาลฯ เป็นหน่วยงานที่ต้องบริการประชาชน เมื่อผู้ยื่นขออนุญาตมีหลักฐานครบถ้วนตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร เทศบาลฯ จะต้องอนุญาตให้แก่ผู้ขอ หากไม่อนุญาตก็มีพระราชบัญญัติอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนปีพ.ศ. 2558 กำกับอยู่ ดังนั้น เรื่องที่เทศบาลฯ อนุญาตให้สร้างอาคาร จึงเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ เทศบาลฯ ไม่มีสิทธิ์ไปท้วงติงว่าที่ดินชอบหรือไม่ชอบ และในกรณีที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่เกี่ยวข้องกับเทศบาลฯ แต่อย่างใด เป็นเรื่องขบวนการการออกที่ดินโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายของสำนักงานที่ดินและผู้ยื่นขอต้องไปดำเนินการกันเอง