นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ กล่าวภายหลังการรับฟังสถานการณ์และข้อเสนอจากภาคเอกชนว่า จากการหารือร่วมกับส่วนราชการจังหวัดภูเก็ต หน่วยงานสังกัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ททท. และภาคเอกชน เพื่อวิเคราะห์ผลดีผลเสียของโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ขณะนี้ผ่านมาแล้ว 1 เดือน เพื่อปรับปรุงแก้ไข โดยทุกอย่างขึ้นอยู่กับ ผวจ.ภูเก็ตและคนภูเก็ต ว่าจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปหรือไม่ แต่ไม่มีคำว่าหยุด แม้จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อมากกว่า 90 สัปดาห์ แต่จะมีการบริหารจัดการอย่างไร โดยจังหวัดภูเก็ตได้มีการยกระดับมาตรการในการควบคุมโรค โดยเฉพาการตรวจคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้ามาในเกาะ โดยได้มีการดำเนินการก่อนที่จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่แล้ว เช่น ลดการรวมทำกิจกรรมจาก 200 คน เหลือ 100 คน เป็นต้น
รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวต่อว่า แต่เมื่อการปรับภูเก็ตเป็นพื้นที่สีส้มจะกระทบกับกิจกรรมบางอย่างของนักท่องเที่ยว เช่น การห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร แต่สามารถดื่มในที่พักได้ ห้ามมีการรวมตัวทำกิจกรรมเกิน 50 คน เป็นต้น จึงต้องมีการหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยได้ข้อสรุปคือ ผวจ.ภูเก็ตขอดูสถานการณ์ 2 สัปดาห์ หลังจากมีการยกระดับคัดกรองผู้เดินทางเข้ามาในเกาะว่า สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ส่วนตัวมั่นใจว่าภูเก็ตจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์นั้นกว่า 14,000 คน มีผลการติดเชื้อโควิด-19 ไม่ถึง 1% ซึ่งถือว่าน้อยมาก ดังนั้นโครงการนี้จึงต้องเดินหน้าต่อไป แต่ทำอย่างไรให้คนภูเก็ตเกิดความสบายใจว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เปิดแล้วกระตุ้นเศรษฐกิจของภูเก็ต แต่ไม่ได้ทำให้คนภูเก็ตกังวลจนเกินไป ฉะนั้นการขอวัคซีนโดสที่ 3 ให้คนภูเก็ตจำนวน 70% ของผู้ที่รับ 2 เข็มไปแล้ว หรือการขอวัคซีนสำหรับเด็กอายุ 12-18 ปี ขอจังหวัดภูเก็ตซึ่งมีประมาณ 58,000 คน ซึ่งตนและ ผวจ.ได้นำเสนอใน ศบค.ชุดเล็กแล้ว และนายกรัฐมนตรีก็รับทราบแล้ว ซึ่งจะมีการนำไปพิจารณา ศบค.ใหญ่ต่อไป
ด้าน นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ระหว่างวันที่ 1-31 กรกฎาคม 64 เป็นระยะเวลา 1 เดือน มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาประมาณ 14,000 คนเศษ เฉลี่ยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 400-450 คนต่อวัน เมื่อเทียบกับภาวะปกติจะมีนักท่องเที่ยวเข้าประมาณ 43,000 คนต่อวัน ฉะนั้นในช่วง 1 เดือนผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 1% ของภาวะปกติ
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวอีกว่า จากการประเมินของภาคเอกชนมองว่า เป็นการเริ่มต้นที่น่าสนใจ เพราะเราไม่ได้ต้องการให้นักท่องเที่ยวทะลักเข้ามา จนเกิดการความเสี่ยงขึ้น ดังนั้นการค่อยๆ เปิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ หลังจากนี้จะเพิ่มเป็นสองหรือสาม เป็นสิบหรือยี่สิบอย่างไร ส่วนจะเดินต่อหรือไม่นั้น ขอเปรียบเปรียบแซนด์บ็อกซ์เป็น 1 ร้านค้า ซึ่งมีสามหุ้นส่วน ได้แก่ ราชการ เอกชน และประชาชน หากคุยกันและเห็นตรงกันว่าเดินต่อ ก็เปิดร้านต่อไป ส่วนจะมีการถอนหุ้นหรือไม่ก็ต้องมาคุยกันต่อ
นายภูมิกิตติ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนตัวมองว่า ขณะนี้เราเริ่มเห็นประโยชน์จากแซนด์บ็อกซ์ และเป็นจังหวัดเดียวของไทยที่เปิดรับนักท่องเที่ยวได้อยู่ แม้ว่าขณะนี้จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น แต่เราก็อยู่ระหว่างการติดตามและประมวลผล ซึ่งคนภูเก็ตส่วนใหญ่พยายามช่วยกันประคับประคองให้โครงการเดินทางไปได้.