ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เรียกประชุมหน่วยงานเกี่ยวข้องเพื่อวางมาตรการและรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ร่วมหา แนวทางในการป้องกันเหตุกราดยิงในสถานศึกษาและสถานที่ต่างๆ พร้อมไว้อาลัยและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 38 ราย
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 65 นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการป้องกันเหตุ กรณีศึกษาเหตุกราดยิงศูนย์เด็กเล็กที่จังหวัดหนองบัวลำภู โดยมี พระครูเมตตาภิรม เจ้าคณะจังหวัดภูเก็ต ,ร.ต.ต.ดร.โกมล ดุมลักษณ์ ประธานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดภูเก็ต ,พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมฯ ณ หอประชุมจังหวัดภูเก็ต ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต
ก่อนการประชุม ผู้เข้าร่วมประชุม ได้ยืนสงบนิ่ง 1 นาที แสดงความไว้อาลัยและแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงวิชาการและศาสนา
พล.ต.ต.เสริมพันธุ์ ศิริคง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความคับแค้นใจอย่างรุนแรงของผู้ก่อเหตุที่ออกจากราชการ จึงลงมือก่อเหตุไม่เลือกหน้า
” ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ดำเนินมาตรการควบคุมความประพฤติของตำรวจทุกระดับเข้าดูแลถึงครอบครัวตามหน้าที่และโครงการตำรวจสีขาวป้องกันไม่ให้เกี่ยวข้องยาเสพติดถ้าตรวจพบต้องดำเนินการตามมาตรการที่วางไว้ดำเนินคดี ในปีนี้ให้ออก 1 ราย คือจับกุมได้พร้อมของกลางยาเสพติด และการตรวจสอบอาวุธปืนราชการที่ให้ปฏิบัติหน้าที่ การปรับโครงสร้างหนี้ของตำรวจที่ไปกู้ยืมมาจากสถาบันการเงินต่างๆให้เป็นหนี้กับสหกรณ์ตำรวจเพียงแห่งเดียว
แนวทางป้องกันเหตุต้องมีการทบทวนยุทธวิธีของตำรวจอุปกรณ์ทันสมัย ควรสร้างรั้วรอบขอบชิดกำหนดเส้นทางเข้าออกป้องกันการหลบหนี หรือจ้างรปภ.ขอให้ฝ่ายปกครองตรวจสอบอาวุธปืนที่ได้รับอนุญาตให้ตรวจเยี่ยมและให้ยิงเก็บปลอกกระสุนทำประวัติ และขอความร่วมมือทุกภาคส่วนเอกซเรย์ค้นหาผู้ป่วยทางจิตหรือยาเสพติดขึ้นบัญชีไว้ดำเนินการไปรักษาบำบัดนำเข้าสู่ระบบ ขณะนี้ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครองตรวจสอบค้นหาอยู่แล้วบางครั้งยังเข้าไม่ถึงจึงขอให้ร่วมกันในส่วนนี้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นในภูเก็ต “พล.ต.ต เสริมพันธุ์ กล่าว
ด้าน นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม ประธานที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลายคนกังวลจะมีการเลียนแบบที่อาจเกิดใน13-15วันจะเป็นแระเด็นระดับชาติ สิ่งที่พบงานวิจัยต้องไม่ให้ค่าของคนที่ทำผิด ต้องมีหลักสูตรสอนนักเรียนในการเอาตัวรอดในโรงเรียน
ด้าน นายแพทย์บัญชา ค้าของ รองประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาล อบจ.ภูเก็ต กล่าวว่า การบริหารจัดการของจังหวัดภูเก็ตเหตุกราดยิง มีปัจจัยคือ ความเหลื่อมล้ำรายได้ ความยากจนข้นแค้น ขาดเงินทุนที่อยู่อาศัย รวมที่ดินทำกิน การเข้าไม่ถึงสิทธิบริการสาธารณะ การศึกษาที่ขาดคุณภาพ ต้องหาคนขาดโอกาสให้เจอ ต้องจัดการความเสี่ยงให้ห่างอาวุธปืน ต้องจริงจังสุขภาพจิตใจ
“ประเด็นกราดยิง อาจมาจากสาเหตุการถูกบูลลี่ เรื่องยาเสพติด ความเกลียดชังรังแกของผู้คนทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวเกลียดชังคนที่ประนามหยามหมิ่นจึงตอบโต้ด้วยความรุนแรงในสังคม จึงขอเสนอให้จังหวัดภูเก็ตมอบให้สาธารณสุขนำอสม.คัดกรองคนที่มีความเสี่ยงส่งมอบฐานข้อมูลให้ท้องถิ่นระดมจัดการเป็นระยะและเฝ้าระวังต่อเนื่อง ” นายแพทย์บัญชา กล่าว
ด้าน นายแพทย์สงวน คุณาพร ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การสังหารหมู่เป็นเรื่องสะเทือนใจมีสาเหตุจากปัจจัยซับซ้อนมากด้านเศรษฐกิจความอ่อนไหวทางอารมณ์ของคน และเรื่องยาเสพติดเป็นปัญหาใหญ่ระดับนโยบาย
ด้าน นายแพทย์ วีระศักดิ์ หล่อทองคำ ผู้อำนวยการ รพ.วชิระภูเก็ต กล่าวว่า การถูกบูลลี่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ต้องควบคุมอาวุธปืนต้องเตรียมตัวก่อนเกิดเหตุ ทำแผนเผชิญเหตุ และหลังเกิดเหตุ และการดูแลเยียวยา
ข้อมูลจิตแพทย์รพ.วชิระภูเก็ต รายงานว่า มีผู้ป่วย 5,400 ราย ในจำนวนนี้ เกี่ยวกับยาเสพติดเกือบ 500 ราย บำบัด 59%ส่วนที่หลือถูกละเลยรับการเยียวยาและในกลุ่มนี้มีผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงกว่า 300 ราย ต้องอาศัยทีมสหวิชาชีพดูแล ทุกภาคส่วนต้องร่วมกัน
ข้อมูล สำนักงานคุมประพฤติภูเก็ต รายงานว่า มีคดี 1,100 รายเป็นคดียาเสพติด 790 ราย สถิติพบว่า สถานการณ์เศรษฐกิจเป็นหลัก ทางสังคม การเลี้ยงดู การศึกษา การประกอบอาชีพ และอีกส่วนพักการลงโทษจากเรือนจำ 47 ราย ติดกำไลข้อเท้า 37 ราย