บลู เอเลเฟ่นท์ วอนมาตรการรัฐชัดเจนหนุนธุรกิจ ลุ้นทั้งปีส่งออกโต 40%
นายคิม สเต็ปเป้ ประธานกรรมการบริหาร บลู เอเลเฟ่นท์ เปิดเผยถึงทิศทางและแผนกลยุทธ์การตลาด พร้อมเผยภาพรวมการเติบโตธุรกิจที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ภายในงาน THAIFEX -ANUGA ASIA 2022 ว่า บลู เอเลเฟ่นท์ ได้ทำการพัฒนาตลาดอาหารต่อเนื่อง คำนึงถึงไลฟสไตล์ของผู้บริโภคเปลี่ยนไปหลังโควิด จึงได้ผลิตภัณฑ์ประเภทพริกแกงสำเร็จรูป พริกแกง อาหารพร้อมปรุง เครื่องเทศแห้ง ซอสปรุงรส กะทิ ขนมขบเคี้ยว ชา ฯลฯ ขึ้นมาและได้รับการตอบรับเพิ่มมากขึ้นจากทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจการส่งออกสินค้าอาหารไตรมาส 1/2565 เติบโต 30% คาดว่าตลอดทั้งปีอาจเพิ่มขึ้นถึง 40% แม้ส่งออกยังดีแต่คำนึงถึงปัจจัยส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวเป็นหลักคือการแพร่ระบาดโควิดที่ยังคงอยู่ ทั้งนี้ ได้คาดการณ์ว่าครึ่งหลังปี 2565 เศรษฐกิจไทยจะเติบโตขึ้นหลักจากการเปิดประเทศแล้ว
ธุรกิจได้รับผลกระทบจากช่วงโควิด และปิดร้านในภูเก็ตระยะสั้น 3 อาทิตย์ เพื่อดูทิศทางการแพร่ระบาดโควิด ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารขาดทุนมาก แต่ในส่วนของการส่งออกนั้น ยังส่งออกได้ต่อเนื่อง แต่ไม่ได้สูงเท่าก่อนช่วงโควิด ยังอยู่ในระดับประคองธุรกิจให้ดำเนินการต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ก็ได้เรียนรู้การตลาดใหม่คือเทรนด์การกักตัว คนหันมาใช้โซเชียลมิเดียเยอะขึ้นผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ทำให้บริษัทสามารถจับธุรกิจหันมาทำออนไลน์ โดยการสอนทำอาหารผ่านออนไลน์และมีการเปิดลงการเรียนการสอนทำอาหารเป็นคอร์สผ่านออนไลน์ จึงทำให้แบรนด์มีคนรู้จักมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์จะชูความเป็นไทยโดยการใช้วัตถุดิบจากประเทศไทย 100% โดยตัวสินค้า และโปรดักต์ของบลู เอเลเฟ่นท์ จะเน้นส่วนผสมคุณภาพที่ทำมาจากแหล่งการผลิตในไทย โดยไม่พึ่งส่วนผสมจากต่างประเทศที่นำเข้ามาด้วยราคาถูก เนื่องจากมองว่าไทยเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ วัตถุดิบจากธรรมชาติก็มีเยอะ จึงอยากให้วัตถุดิบที่เป็นส่วนผสมจากไทยเป็นหลัก เพราะจะได้รสชาติดีมากกว่า อีกทั้ง ในการคิดค้นส่วนผสมในแต่ละเมนูทำโดยเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ (มารดา) ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารและเชฟแห่งภัตตาคาร บลู เอเลเฟ่นท์ พิถีพิถันตั้งแต่ขั้นตอนคัดสรรวัตถุดิบ และสมุนไพรคุณภาพจากโครงการหลวง สู่กระบวนการผลิตที่ทันสมัย และสะอาดถูกสุขลักษณะ เพื่อตอบสนองความต้องการตลาดที่เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศและกว่า 45 ประเทศทั่วโลก
ช่วงโควิดที่รัฐสนับสนุนประชาชนในส่วนของมาตรการต่างๆ มองว่าเป็นผลดีต่อประชาชนฐานราก แต่ในส่วนของภาคธุรกิจไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ จึงอยากให้รัฐออกมาตรการที่สนับสนุนภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนัก เช่น ในต่างประเทศได้ออกมาตรการสนับสนุนภาคธุรกิจ และผู้ประกอบธุรกิจสามารถนำเงินมาใช้จ่ายในการดำเนินการธุรกิจ จนเกิดการจ้างงานต่อเนื่อง ทำให้เศรษฐกิจไม่สะดุดและลดการเกิดการว่างงาน จึงอยากให้รัฐสนับสนุนผู้ประกอบการโดยคิดวิธีการให้ชัดเจน เพราะหากธุรกิจดำเนินการได้ ภาคแรงงานจะสามารถไปต่อได้เช่นกัน
“ขอบคุณโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เพราะจากผลกระทบที่บริษัทได้รับจากการแพร่ระบาดโควิดทำให้ธุรกิจฟื้นตัวได้ยาก จากโครงการดังกล่าวที่รัฐทำร่วมกับภาคการท่องเที่ยว จึงทำให้บริษัทสามารถดำเนินการได้ต่อ เนื่องจากนักท่องเทียวเข้ามามากขึ้น และรู้จักผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น อีกทั้ง ยังเป็นโครงการที่ต่างประเทศเห็นด้วยและจะนำไปพัฒนาต่อในประเทศของตน จึงมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี รวมถึงในครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น เพราะเชื่อว่าคนไทยจะร่วมแรงร่วมใจกันจนสามารถผลักดันให้ประเทศก้าวต่อไปได้แน่นอน” นายคิมกล่าว
ทั้งนี้ บลู เอเลเฟ่นท์ นำเสนอ 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติไทยแท้ ที่อุดมไปด้วยสมุนไพรไทยที่ดีต่อสุขภาพ สะดวกสบาย และอร่อย ประกอบด้วย 1.พริกแกงใต้ พริกแกงมั่สมั่น พริกแกงพะแนง พริกแกงกะหรี่ พริกแกงใต้ พริกแกงตูมี้ ภูเก็ต สูตรโบราณ 2.ก๋วยเตี๋ยวพร้อมปรุง ข้าวซอยพร้อมปรุง ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ข้าวซอยเชียงใหม่ ในรูปแบบพร้อมปรุง และ 3.เครื่องเทศแห้ง สมุนไพรไทย 100% ประกอบด้วย ข่า, ตะไคร้, พริกแดง, มะกรูด, โหระพา เป็นต้น ภายใต้การดูแลของเชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลกว่าเป็นแบรนด์คุณภาพระดับพรีเมียมจากประเทศไทย ปัจจุบันมีวางจำหน่ายแล้วกว่า 45 ประเทศทั่วโลก และซุปเปอร์สโตร์ชั้นนำทั่วประเทศ สามารถติดตามเคล็ดลับความอร่อยของบลู เอเลเฟ่นท์ ได้ที่ https://www.blueelephant.com https://www.facebook.com/Blueelephantproductsline/
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่