แขวงทางหลวงภูเก็ตยืนยันไม่ทุบทิ้งสะพานสารสิน พร้อมแจงความคืบหน้าก่อสร้างโครงการทางลอดฯแก้ปัญหาจราจรติดขัด
15 พ.ค.2567 – นายยุทธนา พิทักษ์ ผู้อำนวยการแขวงทางหลวงภูเก็ตกล่าวถึงกรณีสื่อออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์ เรื่องทุบทิ้งสะพานสารสิน ว่าได้นำเรียนไปที่ส่วนกลางได้รับคำตอบว่า กรมทางหลวงยังไม่มีการทุบสะพานสารสิน แต่ที่ออกเป็นข่าว คาดว่า น่าจะเป็นการศึกษาความเป็นไปได้การก่อสร้างสะพานเพิ่มมาที่ทันสมัย ไม่มีตอหม้อกลางทะเล คือเป็นสะพานขึง เหมือนต่างประเทศเพิ่มภาพลักษณ์ให้ภูเก็ต ซึ่งการดำเนินการต่างๆ ของกรมทางหลวงต้องมีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) การสอบถามความเห็นของประชาชนที่มีส่วนได้เสียจึงจะดำเนินการต่างๆได้
“ยืนยันว่า ขณะนี้แขวงทางหลวงภูเก็ต กรมทางหลวง ยังไม่ทราบว่ามีนโยบายที่จะให้ทุบ แผนงานต่างๆยังมาไม่ถึงอยู่ในขั้นศึกษาซึ่งจะเป็นไปได้หรือเป็นไปไม่ได้ ก็อีกเรื่องหนึ่งเพราะงบประมาณที่ให้ศึกษา 80 ล้านบาท ตามที่เป็นข่าวอาจจะศึกษาความเป็นไปได้ ความเหมาะสม ดังนั้นประเด็นทุบสะพานสารสินยังไม่มี แต่เราห้ามความคิดประชาชนไม่ได้ เพราะเขาสงสัยว่าศึกษาทำไม ศึกษาแล้วมีผลกระทบจะทุบหรือไม่ เป็นคำถามที่มีการขยายเป็นไวรัลทั่วเกาะภูเก็ตและทั่วประเทศ”
นายยุทธนากล่าวอีกว่า กรมทางหลวงขอชี้แจงว่าอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งความน่าจะเป็นและแผนโครงการต่างๆยังไม่ออกมา ทุกโครงการที่เกิดขึ้นในประเทศไทยต้องผ่านกระบวนการศึกษา จึงจะนำเข้าผ่านกระทรวง ผ่านรัฐสภา เพื่ออนุมัติงบประมาณ ขอให้อย่ากังวล เนื่องจากประเทศของเรา มีระบบตรวจสอบที่ดีมากในการทำงาน ซึ่งโครงการต่างๆถ้ากระทบกับประชาชน กระทบสิ่งแวดล้อม ก็จะไม่เกิด หลายโครงการที่เสนอไป เมื่อกระทบกับประชาชน กับวิถีชาวบ้าน บางอย่างก็ถูกพลัดตกไป โดยเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการต่างๆของเรา
สำหรับรูปแบบโครงการสะพานสารสินแห่งใหม่ที่ออกแบบมาได้เสนอแก่นายกรัฐมนตรีที่ลงมาตรวจราชการคราวก่อน เป็นลักษณะสะพานขึง ตอหม้อบนฝั่ง เปรียบกับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ของเราที่ภูเก็ตและที่ท่านุ่นอาจยาวกว่า คือ ตอนนี้การศึกษาของผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ทั้ง วิศวกร สถาปนิก ระดมความคิดกันในความเป็นไปได้ เพราะบ้านเมืองต้องมีการพัฒนาต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ ในความเหมาะสมกับจังหวัดภูเก็ตหรือไม่ กระทบกับวิถีชีวิตและเป็นที่ต้องการของชาวภูเก็ตหรือไม่ ซึ่ง เราจะแคร์ พี่น้องประชาชนมาก
นายยุทธนา กล่าวต่อไปว่า การแก้ปัญหาจราจรติดขัดในจังหวัดภูเก็ต รัฐบาลโดยกระทรวงคมนาคมมอบหมายให้กรมทางหลวงดูแลในส่วนนี้ ขอประชาสัมพันธ์ในปีงบประมาณ 2567 จะมีการสร้างโครงการก่อสร้างทางแยกต่างระดับจุดตัดทางหลวงหมายเลข 402กับทางหลวงหมายเลข 4027 (แยกท่าเรือ) เป็น ทางลอดใต้ฐานอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี -ท้าวศรีสุนทร เป็นลักษณะไปสองกลับหนึ่ง จะแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในจุดทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 402 ถนนเทพกระษัตรี รูปแบบเหมือนทางลอดอุโมงค์ดาราสมุทร ซึ่งแขวงการทางได้รับมอบหมายให้เคลียร์พื้นที่ก่อน ในระบบสาธารณูปโภคต่างๆที่อยู่ในรัศมี 2 กิโลเมตรของจุดก่อสร้าง จะเป็นรูปแบบเหมือนอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ขณะนี้ได้ผ่านขั้นตอนงบประมาณแล้ว อยู่ในขั้นตอน TOR หาตัวผู้รับจ้าง คาดว่าน่าจะได้ประมาณ เดือนกรกฎาคม- มิถุนายน ส่วนเดือนสิงหาคมคงลงมือเต็มที่ ซึ่งในกระบวนการได้ดำเนินการแล้ว ตามเป้าหมายรัฐบาลกำหนดไว้ว่าแล้วเสร็จปลายปี69ให้ดำเนินเสร็จสิ้นตามกรอบเวลา เมื่อมีอุโมงค์ทางลอดแห่งนี้แล้ว คาดหวังว่าการจราจรจะต่อเนื่องไม่มีจุดตัด และปัจจุบันทางหลวงแผ่นดิน หมายเลข 402 ถนนเทพกระษัตรีใช้ระบบ AI ควบคุมไฟสัญญาณทั้งหมดแล้ว
“เมื่อมีการก่อสร้างทางลอดใต้ฐานอนุสาวรีย์ท้าวเทพฯ จะต้องทำการย้ายอนุสาวรีย์ท้าวเทพฯก่อน โดยประสานกับทุกภาคส่วนแล้ว อาทิ วัฒนธรรมจังหวัด กรมศิลปากร พิพิธภัณฑ์ถลาง มีการประสานกันได้ข้อตกผลึกว่า ก่อนก่อสร้างต้องมีพิธีอัญเชิญ อนุสาวรีย์ท้าวเทพฯไปประดิษฐานชั่วคราว ที่พิพิธภัณฑ์ถลาง เมื่อก่อสร้างเสร็จจะอัญเชิญกลับมาที่เดิม จะมีการสมโภชตามขั้นตอนธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติ ให้สมพระเกียรติ และกระทบจิตใจประชาชนให้น้อยที่สุด”
นายยุทธนา กล่าวต่อไปว่า ในส่วนโครงการก่อสร้างทางลอด 4027 เส้นทางป่าคลอก- เมืองใหม่ ได้งบฯมาพร้อมกันกับโครงการก่อสร้างทางลอดอนุสาวรีย์ฯ งบประมาณ 1,600ล้านบาท ทำเป็นถนนสี่เลน และปี 68 ทำสะพานต่างระดับที่บริเวณสี่แยกสนามบินภูเก็ต จะตัดมาที่ ถนนหมายเลข 4027 ป่าคลอก เป็นถนนบายพาสสี่เลน ผิวคอนกรีต ที่เป็นทางเลี่ยงไม่ต้องใช้ถนนหมายเลข 402 เทพกระษัตรี อย่างเดียว สามารถใช้เส้นทางป่าคลอกได้เพิ่มระยะทางนิดนึงแต่เซฟเวลาได้ ขณะเดียวกัน ถ้าโครงการนี้เสร็จในปี 2567 เราสร้างสี่เลนต่อไป ปี 2568 จะได้มาอีกซึ่งแผนงานต่างๆจะจบในปี 2570 เราจะมีระบบถนนโครงข่ายที่ดีขึ้น ขณะนี้ ทางกรมทางหลวงเร่งรัดโครงการฯซึ่งนายกรัฐมนตรีให้ความใส่ใจในเรื่องนี้มาก ให้เป็นไปตามกรอบเวลา