เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 8 ม.ค.65 ที่ สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต ได้เข้าตรวจสอบและเก็บลายนิ้วมือตามจุดต่างๆ รอบตัวรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ทะเบียน กอ 1631 ภูเก็ต ซึ่งเป็นรถของนายมณีนพ หมีทอง อายุ 49 ปี พ่อค้าขายกุ้งที่ตลาดเกษตร ถ.อ๋องซิมผ่าย ต.ตลาดใหญ่ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ผู้ต้องหาตามหมายจับกราดยิงพ่อค้าแม่ค้าเสียชีวิต 2 ศพ และบาดเจ็บอีก 3 รายที่แผงขายกุ้งบริเวณตลาดดังกล่าวเมื่อช่วงสายวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมาก่อนขับรถหลบหนีและนำมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณท่าเรือแหลมหิน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ต ก่อนนั่งเรือหางยาวข้ามไปยังเกาะมะพร้าวฝั่งตรงข้ามท่าเรือดังกล่าวและหายตัวไป
ล่าสุดชุดสืบสวนคาดว่าหลบหนีไปกบดานที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาแล้ว โดย พฐ.ได้เปิดรถ เพื่อตรวจสอบหาหลักฐานต่างๆ ภายในรถ รวมไปถึงคราบเขม่าดินปืนตามพวงมาลัยและเบาะรถไว้เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เมื่อจับกุมนายมณีนพมาได้จะได้มีการเปรียบเทียบหลักฐานต่างๆ เพื่อยืนยันการกระทำความผิด โดยมีนางกาญจนา หมีทอง อายุ 49 ปี ภรรยาของนายมณีนพ ผู้ต้องหามาเป็นสักขีพยานในการตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ของเจ้าหน้าที่
นางกาญจนา เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ ยังคงให้ลูกสาวออกไปขายกุ้งที่ตลาดเกษตรอยู่ ส่วนตนเองไม่กล้าไปขาย หวั่นเกรงอาจเกิดอันตรายได้ เพราะตัวคนเดียวแล้ว ไม่มีใคร ยอมรับว่ากลัวมากๆ โดยไม่ได้พาสามีหนี เพราะตัวเองขับรถยนต์ไม่เป็น ซึ่งที่ผ่านมาเกือบปีแล้วที่เราได้จดทะเบียนหย่ากัน แต่ยังคงทำมาหากินด้วยกันอยู่ ในกรณีที่ตนเองถูกระบุว่าเป็นคนยุให้นายมณีนพยิง ตัวเองนั้นไม่รู้เรื่องเลย เพราะตนเองต้องรับผิดชอบครอบครัว เลี้ยงดูพ่อแม่ จะไปยุให้เขายิงทำไม ถ้ารู้ว่านายมณีนพจะยิง จะไม่ให้เกิดเหตุอย่างแน่นอน
ภรรยาของผู้ก่อเหตุ กล่าวต่อว่า กรณีที่มีเรื่องบาดหมางกันกับพ่อค้าแม่ค้าบริเวณดังกล่าวนั้น มีการว่ากระแทกกันมานานแล้ว บางทีนายมณีนพต้องเอาวิทยุมาเปิดเพื่อกลบเสียงด่าหรือว่ากระแทกของพ่อค้าแม่ค้าบริเวณแผงใกล้เคียง โดยตัดปัญหาไม่อยากมีปัญหาซึ่งกันและกัน ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้ออกไปขายกุ้งกว่า 1 ปีแล้ว เพื่อไม่อยากได้ยินการว่ากระแทกแดกดันกัน และกรณีที่ถูกระบุว่าตนไปขายกุ้งตัดราคาแผงอื่นๆ นั้น ความจริงแล้ว กุ้งตนขายแพงกว่าแผงของคนอื่นด้วยซ้ำไป จะตัดราคาได้อย่างไร แต่ตนเองมีลูกค้ามาก ขายดีมาตลอด
“เคยมีการพานักเลงมาข่มขู่ตนเองและสามี แต่สามีใจเย็นบอกให้ขายแต่ของเรา อย่าไปยุ่งกับเขา อย่าไปสนใจ ซึ่งสามีตนเองหรือนายมณีนพสอนมาตลอด รวมไปถึงการกล่าวอ้างว่าตนเองไปดึงแขนลูกค้ามาซื้อกุ้งที่แผงตนเอง เรื่องนี้ไม่เป็นความจริงและไม่เคยทำ ไม่เคยแย่งลูกค้าของใคร เพราะกลัวเขาด่า ลองถามในตลาดได้ ไม่เคยทะเลาะกับใคร ส่วนกรณีมีกระแสข่าวว่าสามีตนหรือบังนิหนีไป อ.หาดใหญ่ จ.สงขลาแล้ว ตนเองไม่ได้รับการติดต่อจากสามีเลย จึงไม่รู้จริงๆ ว่าสามีหนีไปอยู่ที่ใด ถ้าเขาติดต่อกลับมา ตนเองให้สามีมามอบตัวอย่างแน่นอน ไม่ให้หลบหนีแน่” นางกาญจนา กล่าว
ขณะเดียวกันพบภาพจากกล้องวงจร ปิดขณะที่นายมณีนพขับรถโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีดำคันดังกล่าว เข้ามาจอดบริเวณท่าเรือแหลมหิน ต.เกาะแก้ว อ.เมือง จ.ภูเก็ตก่อนลงเรือหางยาวหลบหนีไปยังเกาะมะพร้าว ต.เกาะแก้ว อ.เมือง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา.