คบหากันมานาน 11 ปี “เกิ้ล-ไมเคิล เบลนีย์ เดวิดสัน” ทายาทรุ่นที่ 3 เครื่องหนังจาค็อบ กับ “ริน-ศรินญา มหาดำรงค์กุล” ทายาทธุรกิจนำเข้านาฬิกาศรีทองพาณิชย์ และโรงแรมสวิสโซเทล กรุงเทพฯ, เรเนซองส์ พัทยา และลิฟ โฮเทล ภูเก็ต จึงควงแขนกันฉลองมงคลสมรส เมื่อปลายปี 2563 หลังกลับจากดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์พร้อมฉลองวันวาเลนไทน์ ภายใต้บรรยากาศริมทะเลสุดโรแมนติกบนเกาะมะพร้าว จ.ภูเก็ต ทั้งคู่ร่วมกันเผยเส้นทางความรัก
คุณรินเล่าว่า ตัวเองแอบเป็น “ติ่ง” อีกฝ่ายมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษา โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ตอนอายุ 15-16 ปี ชอบแอบโดดเรียนไปส่องหนุ่มโรงเรียนนานาชาตินิสท์ที่อยู่รั้วติดกัน กระทั่งเห็นคุณเกิ้ลแล้วรู้สึกชอบ เนื่องจากตอนนั้นคุณเกิ้ลหล่อและค่อนข้างมีชื่อเสียงพอตัวจากการเล่นโฆษณา ตัวเองจึงแอบไปส่องบ่อย ๆ รวมถึงตัดเก็บรูปคุณเกิ้ลตามโฆษณาต่าง ๆ ไว้ เวลาผ่านไปจนต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนคนละมหาวิทยาลัย คุณรินเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วนคุณเกิ้ลเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทว่าคุณรินมีเพื่อนอยู่ที่จุฬาฯ ค่อนข้างเยอะ กลายเป็นว่าสุดท้ายมีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน ขณะนั้นทั้งคู่มีแฟนอยู่แล้วจึงไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ กระทั่งต่างฝ่ายต่างมีปัญหากับแฟนและตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ลง จึงเริ่มความรักครั้งใหม่ที่ยาวนานมาจวบจนปัจจุบัน
เช่นเดียวกับหลาย ๆ คู่ เส้นทางความรักของทั้งคู่มีทั้งทุกข์และสุข อย่างช่วงต้องไปศึกษาต่อต่างประเทศ คุณรินบอกว่าตัวเองโตกว่าคุณเกิ้ล 1 ปี จึงเรียนจบมหาวิทยาลัยก่อน ตัดสินใจไปเรียนต่อที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งก่อนหน้านี้ค่อนข้างตัวติดกันมาก คุณเกิ้ลคอยไปรับ-ส่ง ที่มหาวิทยาลัยตลอด เมื่อต้องอยู่ห่างกันเกือบซีกโลก อีกทั้งการติดต่อสื่อสารไม่ได้สะดวกสบายเหมือนสมัยนี้ ต้องติดต่อกันผ่านบีบี (แบล็คเบอร์รี่) และตัวเองพยายามทุ่มเทให้กับการเรียนค่อนข้างหนัก ทำให้ช่วงนั้นทะเลาะกันบ่อย แต่เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะคุณเกิ้ลตามไปเรียนต่อที่เนเธอแลนด์ เมื่ออยู่ในไทม์โซนเดียวกัน ใกล้กันมากขึ้น ความสัมพันธ์จึงฟื้นตัวกลับมาดีเหมือนเก่า โดยทั้งคู่เดินทางหากันบ่อย ๆ และไปท่องเที่ยวด้วยกันทุกวันหยุด
“ตอนอยู่เมืองนอกถือเป็นช่วงสนุกและได้เรียนรู้กันหลายอย่าง เพราะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ซักผ้า รีดผ้า รินกับเกิ้ลจะเกี่ยงกันทำ เช่น บางวันรินไปเรียนเหนื่อย ๆ กลับมาอยากกินข้าว แต่จานกองใหญ่มาก ก็ทะเลาะกับเกิ้ลว่าทำไมอยู่บ้านแล้วไม่ล้างจาน นั่งเล่นแต่เกม เป็นต้น” คุณรินเผยและบอกเพิ่มเติมว่า นอกจากเป็นช่วงที่ได้เรียนรู้ชีวิตของกันและกัน ช่วงอยู่เมืองนอกยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ค้นพบไลฟ์สไตล์ที่เป็นคนชอบทำกิจกรรมเหมือนกัน เช่น ปีนเขา เดินป่า ดำน้ำ รวมถึงล่าสุดไปเรียนขับเครื่องบินด้วยกัน ซึ่งการหากิจกรรมต่าง ๆ ทำร่วมกันถือว่ามีส่วนทำให้คบกันมายาวนานถึง 11 ปีโดยไม่รู้สึกเบื่อ
คุณเกิ้ล ให้เหตุผลว่า เนื่องจากตัวเองและคุณรินอยู่ด้วยกันมากจนเหมือนคนที่แต่งงานกันอยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงาน แต่เมื่ออยากพัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกระดับ อยากอยู่บ้านเดียวกัน สร้างครอบครัวด้วยกัน จึงเริ่มคิดเรื่องแต่งงาน คุณรินเล่าเสริมว่า ส่วนหนึ่งที่แต่งงานช้าเพราะคุณแม่แนะนำให้แต่งงานหลังอายุ 30 ปี เนื่องจากเป็นวัยที่ชีวิตค่อนข้างมั่นคง แต่หลังจากอายุ 30 ปีมาเราก็ยังไม่แต่ง คุณพ่อคุณแม่จึงเริ่มมาทัก รวมถึงคนรอบข้างถามมากขึ้นว่าเมื่อไหร่จะแต่งงาน จึงตัดสินใจว่าจะแต่งงานกันตั้งแต่ต้นปี 2563 แต่เนื่องด้วยโรคโควิด – 19 กำลังแพร่ระบาดหนัก ทำให้ต้องเลื่อนมาเป็นปลายปี
หลังแต่งงานมาร่วม 2 เดือน ทั้งคู่บอกว่าการใช้ชีวิตทั่วไปไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก แต่มีการพูดคุยเรื่องการวางแผนอนาคตมากขึ้น เช่น เรื่องวางแผนการเงิน และครอบครัว เป็นต้น โดยคุณเกิ้ล เผยว่า อยากมีทายาทสัก 2 คนและอยากได้ลูกสาว เพราะตัวเองไม่เคยมีน้องสาวมาก่อน มักมีภาพในหัวว่ามีลูกสาวที่ชอบแอคทิวิตี้แบบเรา เป็นผู้หญิงเท่ ๆ คูล ๆ
ส่วนความประทับใจต่อภรรยา คุณเกิ้ลบอกว่า ชอบตรงที่คุณรินเป็นคนง่าย ๆ และชิลล์มาก ตัวเองเป็นคนชอบทำกิจกรรม ช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาไปดำน้ำลึก หากเป็นคนอื่นอาจรู้สึกเป็นห่วงและไม่อยากให้ไป แต่คุณรินเข้าใจและปล่อยให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำอย่างเต็มที่ บางครั้งออกเรือไปจุดอับไม่มีสัญญาณ 1-2 วัน คุณรินก็ไม่ได้โทรศัพท์หาเลย ในขณะที่คุณพ่อคุณแม่ตัวเองเป็นห่วงจนต้องโทรศัพท์หาคุณริน
ด้านคุณรินกล่าวว่า ชอบคุณเกิ้ลที่เป็นคนเสมอต้นเสมอปลาย ตอนอายุ 19-20 ปีเคยไปรับ-ส่งอย่างไร ทุกวันนี้อายุ 33 ปีก็ยังไปรับ-ส่งเหมือนเดิม นอกจากนี้เทศกาลวาเลนไทน์ทุกปีคุณเกิ้ลจะมีดอกไม้มาให้ตลอด ไม่เว้นแม้แต่วาเลนไทน์ล่าสุดที่ตัวเองคิดว่าอาจจะไม่ได้ดอกไม้ เพราะไปพักผ่อนกันบนเกาะคงหาซื้อดอกไม้ได้ยาก แต่สุดท้ายก็แอบไปสั่งโรงแรมให้เอาเรือออกไปซื้อดอกไม้ที่ภูเก็ตกลับมา
นอกจากนี้คุณรินและคุณเกิ้ลยังย้ำถึงหลักการใช้ชีวิตคู่ว่าต้องหากิจกรรมใหม่ ๆ ทำร่วมกันเสมอ นอกจากช่วยให้เส้นทางความรักมีสีสันยังช่วยสร้างความเข้าใจให้แก่กัน อย่างคู่ตัวเองกว่าจะผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ผ่านการทะเลาะกันมาแล้วทุกเรื่อง รวมไปถึงการมีพื้นที่ส่วนตัวให้แก่กันและกันบ้างก็เป็นส่วนสำคัญไม่แพ้กัน
สุดท้ายทั้งคู่เผยว่าเป็นห่วงกันมากที่สุดในเรื่องสุขภาพโดยเฉพาะการกิน เนื่องจากคุณรินมักจะละเลยมื้อเช้า และกินข้าวไม่ค่อยตรงเวลา ส่วนคุณเกิ้ลมีประวัติคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน สองสามีภรรยาจึงหมั่นใส่ใจดูแลกันเรื่องอาหาร และชวนกันไปออกกำลังกายมากขึ้น.
“ต้นรัก”