เผยแพร่:
ปรับปรุง:
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – ตำรวจ สภ.คอหงส์ เรียกผู้มีชื่อเข้าพักโรงแรมที่พบการทุจริตโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” จำนวน 7 ราย เข้าให้ปากคำเพื่อเป็นพยาน โดยพบว่ามี 3 กรณีทั้งถูกสวมสิทธิจริง กรณีให้บัตรประชาชนไปได้ค่าตอบแทน 400 บาท และไปเที่ยวจริง นอนฟรี กินฟรี 2 คืน 3 วัน แต่ทางโรงแรมใช้สิทธิตามโควตา 10 วันเต็ม
วันนี้ (10 ก.พ.) ที่ สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ทาง พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีแสง ผู้กำกับการ สภ.คอหงส์ ได้เรียกผู้ที่มีชื่อใช้สิทธิโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และเข้าพักในโรงแรมที่พบการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน มาสอบสวน จำนวน 7 คน โดยมาเข้าพบ และให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 4 คน ซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ ต.น้ำน้อย และ ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ โดย 3 คนมีชื่อเข้าพักที่โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต ที่ จ.ชัยภูมิ ส่วนอีกคนมีชื่อเข้าพักในโรงแรมที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต โดยล้วนเป็นโรงแรมที่ถูกจับกุมทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกันไปแล้ว
จากการสอบถามชายอายุ 43 ปี และพี่สาวอายุ 53 ปี ซึ่งทำงานโรงงานที่เดียวกัน ให้การว่า ได้รับการติดต่อจาก “เจ๊ปาล์ม” ให้ไปเที่ยวในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน แต่ตนไม่ได้ไป ซึ่งเจ๊ปาล์มขอให้ส่งบัตรประชาชนไปให้ทางไลน์ และโอนเงินมาให้ 400 บาทแทน ส่วนพี่สาวยังไม่ได้เงินเพราะไม่ได้รับสิทธิโครงการนี้ แต่ไม่ได้ไปเที่ยวจริงๆ กระทั่งมีหมายเรียกจากตำรวจให้มาพบพนักงานสอบสวน เพราะมีชื่อปรากฏอยู่ในโรงแรมที่ถูกจับทุจริตจากโครงการนี้
ขณะที่ คุณลุงเคียง ทองบูรณ์ อายุ 76 ปี บอกว่า มีอาชีพเลี้ยงวัว ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์มือถือ แต่ก็มีชื่อไปเที่ยวที่โรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต ซึ่งไม่ทราบว่าถูกสวมสิทธิได้อย่างไร แต่อาจเป็นไปได้ว่าเคยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ไม่ได้รับสิทธิเพราะมีประกันสังคม รวมทั้งเคยถ่ายรูปบัตรประชาชนค้ำประกันรถให้ลูกชายไปครั้งหนึ่ง แต่ยืนยันว่าไม่เคยส่งบัตรประชาชนตัวจริงไปให้ใคร
ส่วนหญิงสาวอีกคนที่มาให้ปากคำ บอกว่า ได้รับการติดต่อจากโรงแรมแห่งหนึ่งที่หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต ให้ไปเที่ยวฟรี 2 คืน 3 วัน เที่ยวฟรี กินฟรีทุกอย่าง แต่ทางโรงแรมได้ลงเช็กอินใช้สิทธิเข้าพักเต็ม 10 คืน เบื้องต้น ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำทั้ง 4 คน ไว้เป็นพยานในคดีนี้ เพื่อขยายผลไปยังเครือข่ายผู้ที่ทุจริตโครงการนี้ โดยนำชื่อไปหลอกใช้สิทธิเพื่อรับส่วนต่าง แต่ไม่ได้ไปใช้สิทธิจริง
พ.ต.อ.ศักดิ์สิทธิ์ มีแสง ผู้กำกับการ สภ.คอหงส์ เปิดเผยว่า เฉพาะพื้นที่ สภ.คอหงส์ มีรายชื่อผู้ที่ไปใช้สิทธิโครงการฯ โรงแรมที่พบการทุจริต จำนวน 7 ราย และทยอยเรียกมาให้ปากคำเพื่อเป็นพยาน โดยแยกออกเป็น 3 เคส คือกรณีที่ถูกนำชื่อไปสวมสิทธิ กรณีที่ให้บัตรประชาชนแลกกับค่าตอบแทน และกรณีที่ไปเที่ยวจริง แต่พักแค่ 2 คืน 3 วัน แต่ถูกทางโรงแรมสวมสิทธิ 10 วันเต็ม ตามโควตาโดยไม่ได้พักจริง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะเร่งสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสาวไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตโครงการนี้ ส่วนพื้นที่ จ.สงขลา ทราบว่ามีผู้มีชื่อเข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และไปพักในโรงแรมที่มีการทุจริตนับร้อยคน
สำหรับกรณีของโรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต ที่ จ.ชัยภูมิ นั้น พบพฤติการณ์ลงทะเบียนเป็นรีสอร์ตขนาดเล็ก มีห้องพักทั้งหมด 10 ห้อง นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2563 ถึงปัจจุบัน มีผู้ใช้สิทธิโครงการ จำนวน 9,263 ราย ยอดจองห้องพัก 92,028 ห้อง เฉลี่ย 1,000-3,000 ห้องต่อวัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง และยังพบว่ากว่าร้อยละ 99 ของการจองห้องพัก 1 คนจะจอง 10 ห้องเต็มทุกครั้ง และเวลาในการเช็กอิน และเช็กเอาต์ทับซ้อน ไม่สัมพันธ์กัน
นอกจากนี้ ยังพบว่าคูปองที่ได้รับหลังจากเช็กอินห้องพักที่ใช้สำหรับสแกนจ่ายกับร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ มียอดการใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ มูลค่าความเสียหายในส่วนของโรงแรมณัฐชญา รีสอร์ต รวม 14,000,000 บาท และร้านค้าที่ร่วมกระทำผิด จำนวน 101 ร้าน ความเสียหายประมาณรวม 87,000,000 บาท