
ไนท์แฟรงค์ฟันธง เทรนด์ฟื้นตัวอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ตต้องรอถึงปี 2565
นายณัฎฐา คหาปนะ รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าสำนักงานไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ภูเก็ตเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่สุดแห่งจุดหมายปลายทางแห่งเอเชีย มีศักยภาพพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวและการลงทุน
ทั้งนี้ ผลสำรวจปี 2563 อุปทานคอนโดมิเนียมในภูเก็ตมีทั้งสิ้น 26,096 หน่วย มีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่เพียง 1,862 หน่วย จาก 7 โครงการ ซึ่งใกล้เคียงกับคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ในช่วงก่อนปี 2559 ที่เปิดขายเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ประมาณ 1,700-2,000 หน่วย
และจะเห็นว่าจำนวนคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปีนี้ลดลงจากปี 2562 ถึงร้อยละ 65.97 จากอุปทานที่เปิดขายจำนวน 5,471 หน่วย ในปี 2562 ลดลงเหลือเพียง 1,862 หน่วย ในปี 2563

การที่อุปทานใหม่ลดลงอย่างชัดเจนอันเนื่องมาจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 มีผลต่ออุปสงค์ทำให้อุปสงค์ลดลง ดังนั้นผู้ประกอบการจึงชะลอการเปิดตัวโครงการ
อีกทั้งธนาคารพาณิชย์ต่างๆเริ่มกังวลในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทำให้มีการคุมเข้มการปล่อยสินเชื่อในการพัฒนาโครงการดังนั้น ผู้พัฒนาโครงการจึงระงับการเปิดขายโครงการไปก่อนในช่วงสถานการณ์นี้
อุปทานคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่ส่วนใหญ่อยู่ในหาดลายันร้อยละ 59 รองลงมา หาดป่าตองและหาดในทอน ร้อยละ 22 และ 13 ตามลำดับ, หาดไม้ขาวมีคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่น้อยร้อยละ 6 ของอุปทานทั้งหมด ซึ่งหาดไม้ขาวเป็นพื้นที่ทางตอนเหนือของภูเก็ตที่ยังไม่เป็นที่นิยมกันมาก เนื่องจากไกลจากสิ่งอำนวยความสะดวกหากเทียบกับหาดอื่นๆ ส่งผลให้หาดไม้ขาวยังมีพื้นที่เหลืออีกค่อนข้างมาก
ในด้านอุปสงค์ ปี 2563 มีคอนโดมิเนียมขายได้แล้ว 19,761 หน่วย จากอุปทานทั้งหมด 26,096 หน่วย คิดเป็นอัตราการขายร้อยละ 75.7 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 73.4 มีจำนวนหน่วยขายเหลือทั้งหมด 6,335 หน่วย
จำนวนหน่วยคอนโดที่ขายได้ใหม่มีเพียง 1,966 หน่วย ลดลงจากปี 2562 ที่มีจำนวน 4,036 หน่วย
หากพิจารณาจะเห็นว่าจำนวนหน่วยขายลดลงจากปีก่อนหน้า อันเนื่องมาจากขาดกำลังซื้อของชาวต่างชาติที่เป็นกำลังซื้อหลักเพราะไม่สามารถเดินทางเข้ามายังประเทศได้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19
ในอดีตกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมเกือบ 100% เป็นนักท่องเที่ยวและนักลงทุนที่เป็นชาวต่างชาติทั้งหมด แต่ในปัจจุบันกลุ่มผู้ซื้อมีความหลากหลายมากขึ้น โดย 90% เป็นชาวต่างชาติ มีคนไทย 10% ซึ่งชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดมิเนียมในภูเก็ตมีชาวรัสเซีย จีน ฮ่องกง และสิงค์โปร์ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา ชาวยุโรปและชาวตะวันออกกลาง
โครงการคอนโดมิเนียมที่ยังมียอดขายต่อเนื่องส่วนใหญ่ จะมีมาตรฐานของคอนโดมิเนียมที่เทียบเท่าได้กับโรงแรม 4-5 ดาว อีกทั้งโครงการยังนำเชนโรงแรมมาบริหารเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้ซื้อ โดยให้ผลตอบแทนกับผู้ซื้อในระยะเวลา 3-5 ปี ซึ่งเป็นสิ่งจูงใจให้นักท่องเที่ยวและนักลงทุนสนใจที่จะซื้อคอนโดมิเนียม เพราะนอกจากจะมีรายได้จากการปล่อยเช่าแล้วยังสามารถเข้าพักได้ถึง 30-45 วัน ต่อปี
ในด้านราคาเสนอขายเฉลี่ย ทำเลที่เห็นวิวทะเลอยู่ที่ 192,758 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 0.4 จากราคาเฉลี่ย 193,590 บาทต่อตารางเมตร
ทำเลที่เห็นวิวทะเลบางส่วนมีราคาขายเฉลี่ย 99,745 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 6.8 ที่มีราคาเฉลี่ย 107,000 บาทต่อตารางเมตร
และคอนโดมิเนียมที่ไม่เห็นวิวทะเลมีระดับราคาเฉลี่ย 76,184 บาทต่อตารางเมตร ปรับตัวลดลงจากปี 2562 ร้อยละ 3.9 ที่มีราคาเสนอเฉลี่ย 79,300 บาทต่อตารางเมตร
ทั้งนี้ ผลกระทบสถานการณ์โควิดผู้ประกอบการยอมปรับลดราคาลงเพื่อดึงดูดผู้ซื้อหรือนักลงทุนให้กลับมาลงทุน และใช้วิธีการขายผ่านทางออนไลน์หรือตัวแทนขาย (Agency) ในต่างประเทศ
นายณัฎฐา กล่าวสรุปว่า แนวโน้มปี 2564 คาดว่ายังคงชะลอตัวและได้รับผลกระทบอย่างหนัก เนื่องจากการสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ โดยในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ผู้ประกอบการยังคงชะลอการเปิดโครงการ
และในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 แนวโน้มของการลงทุนจะเป็นโครงการขนาดเล็ก และร่วมทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นในภูเก็ต
โดยคาดว่าเศรษฐกิจภูเก็ตในปี 2564 ยังคงซบเซายาวไปถึงต้นปร 2565 ซึ่งเศรษฐกิจภูเก็ตอาจจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี และการฟื้นตัวน่าจะกลับมาเพียง 50% ของนักท่องเที่ยวเท่านั้น เพราะชาวต่างชาติยังไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ทั้งหมด และกลุ่มผู้ซื้อหลักที่คาดการณ์จากนี้น่าจะเป็นกลุ่มชาวจีน และรัสเซีย แต่ยุโรปอาจจะต้องรอไปอีกสักระยะ
พฤติกรรมการซื้อจะเป็นอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยเป็นบ้านหลังที่สองมากกว่าการลงทุน เพราะมองว่าประเทศไทยเป็นเมืองที่ปลอดภัย น่าอยู่ มีมาตรฐานระบบการดูแลรักษาพยาบาลการควบคุมโรคระบาดที่ดี
ในส่วนของนักลงทุนคนไทยยังชะลอการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ต เนื่องจากรอให้ชาวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาเที่ยว จึงจะเริ่มลงทุน โดยภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งหลังปี 2565 ตามแนวโน้มของการฟื้นตัวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ