เมื่อวันที่ 4 ส.ค.64 ที่ สภ.เมืองภูเก็ต กลุ่มผู้ใช้บริการสถานออกกำลังกาย หรือฟิตเนสชื่อดัง ตั้งอยู่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต กว่า 20 คน นำหลักฐานต่างๆ เข้าหารือข้อกฎหมายกับพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความเอาผิดและเรียกร้องความรับผิดชอบต่อการกระทำของเจ้าของและผู้บริหารยิมดังกล่าว หลังปิดให้บริการไปแล้ว โดยไม่มีการชี้แจงหรือบอกกล่าวล่วงหน้า ทำให้ค่าบริการสมาชิกแบบรายเดือน รายปี ตลอดจนค่าใช้บริการเทรนเนอร์ส่วนตัวต่างๆ ที่กลุ่มใช้บริการจ่ายล่วงหน้าไปแล้วไม่ได้คืน โดยมีผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจำนวน 36 ราย ค่าเสียหายกว่า 2 ล้านบาท
นายพรชัย หนึ่งในลูกค้าที่ใช้บริการฟิตเนสดังกล่าวที่ตกเป็นผู้เสียหาย กล่าวว่า วันนี้ได้รวมกลุ่มผู้ที่ได้รับเดือดร้อน ซึ่งเป็นสมาชิกของฟิตเนสดังกล่าวเข้ามาหารือข้อกฎหมายต่างๆ กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต เพื่อดำเนินการแจ้งความเรียกร้องสิทธิ์ของเรา ซึ่งทางฟิตเนสได้ปิดยิมหนี ไม่ได้มีการดูแล เช่น สมาชิกบางรายการที่ยังไม่หมดอายุก็มีการตัดทิ้ง ถ้ายิมยังเปิดไปถึงปลายปีจะสามารถไปเล่นไปใช้บริการได้ แต่ตอนนี้ยิมได้ปิดไปแล้ว ไม่มีการออกมารับผิดชอบใดๆ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายจากยิมแห่งนี้อีกเป็นจำนวนมาก
ส่วนตัวนั้นได้มีการสมัครสมาชิกและเกิดความเสียหายเกือบ 100,000 บาท โดยก่อนนี้ทางยิมได้มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กของยิมว่า จะมีการชดเชยให้ลูกค้า 3 เดือน แต่พอไปติดต่อไปทางยิมแจ้งมาว่า 3 เดือนนี้โดนตัดออกไปแล้ว ไม่เกี่ยวข้องกันแต่อย่างได้
ด้าน น.ส.อารยา ประชุมพรรณ สมาชิกของฟิตเนสดังกล่าว เปิดเผยว่า เป็นผู้เสียหายตั้งแต่ครั้งที่ยิมได้ปิดตัวที่สาขา 2 ในพื้นที่ ต.ฉลอง อ.เมืองแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเข้าไปดำเนินการแจ้งความแล้ว โดยรวบรวมผู้เสียหายได้ 16 ราย และมีค่าเสียหายกว่า 300,000 กว่าบาท ซึ่งขณะนี้เรื่องได้ดำเนินการอยู่ในชั้นศาลแล้ว โดยจริงๆ แล้วมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ตอนนี้กลับประเทศไปแล้ว ซึ่งตนเองกับแฟนหมดไปราว 50,000 บาท การที่มีการปิดกิจการไปแบบนี้ โดยเจตนาอาจมีสิ่งใดแอบแฝง ซึ่งคิดว่าอยู่ที่เจตนาของทางยิมด้วย ทั้งนี้การซื้อโปรโมชันในยิมแต่ละคอร์สนั้นต้องมีการดำเนินการชำระค่าใช้จ่ายก่อนทุกครั้ง แต่พอมีการปิดยิมแล้วไม่มีการชี้แจง และไม่มีการชดเชยแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมสำหรับลูกค้าและผู้ใช้บริการเลย
รายงานข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตาม การเข้าดำเนินการแจ้งความครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบเอกสารเพิ่ม และจะมีการแบ่งแยกว่า รายใดที่จะเป็นคดีแพ่งหรืออาญา รวมไปถึงจะต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก โดยในวันนี้จากผู้เสียหายเข้ามาดำเนินการทั้งหมดนั้น รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,500,000 บาท.