คอลัมน์ สดจากสนามข่าว
ผ่าชนวนฆ่าสยองภูเก็ต – แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะซักถามอย่างไร แต่นายเวียน เอียดชูทอง ก็ไม่ยอมปริปากเผยถึงเหตุผลที่ก่อเหตุฆ่าอดีต 2 ลูกน้องเก่า จนดับดิ้นคาบขส.กลางเมืองภูเก็ต
เหตุการณ์สยองเริ่มขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 23 ม.ค. ร.ต.อ.หญิง วิภาวรรณ วัธนเงินทะนง รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.เมืองภูเก็ต ได้รับแจ้ง เหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณด้านหน้าอาคารผู้โดยสาร สถานีขนส่งผู้โดยสารแห่งที่ 2 (บขส.ใหม่) ถนนเทพกระษัตรี ต.รัษฎา อ.เมือง ภูเก็ต
ที่เกิดเหตุ
หลังรับแจ้งจึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมืองภูเก็ต เจ้าหน้าที่สายตรวจ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ตร่วมตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่ 2 จุด จุดแรกอยู่ที่บนถนน มุมด้านซ้ายของอาคาร พบร่างผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อภายหลังคือนายยอด แซ่หลี อายุ 54 ปี เป็นประธานสหกรณ์บริการรถยนต์รับจ้าง บขส.ภูเก็ต
สภาพถูกยิงที่ศีรษะและลำตัวหลายนัด เลือดไหลนองพื้น ใกล้ตัวพบรองเท้า ปลอกกระสุนตกอยู่หลายนัด เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ปั๊มหัวใจช่วยเหลือก่อนรีบนำส่งโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต แต่นายยอดทนพิษบาดแผลไม่ไหวได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
คุมตัวนายเวียน เอียดชูทอง มือปืน
ส่วนจุดที่ 2 อยู่ที่บริเวณร้านรับฝากรถจักรยานยนต์ ด้านขวาของอาคารผู้โดยสารห่างจากจุดแรกไปประมาณ 30 เมตร พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ทราบชื่อภายหลังคือ นายประกอบ ชูทอง อายุ 54 ปี ชาว จ.กระบี่ เป็นผู้ดูแลร้านรับฝากรถจักรยานยนต์ นอนเสียชีวิตอยู่หลังเคาน์เตอร์ของร้าน สภาพถูกยิงที่ศีรษะประมาณ 2 นัด เลือดไหลนองพื้น ที่เอวเหน็บปืนพกลูกโม่ 1 กระบอก แต่ไม่ทันได้มีโอกาสใช้ เจ้าหน้าที่ได้กันพื้นที่ ก่อนให้เจ้าหน้าที่วิทยาการพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ร.พ.วชิระภูเก็ตร่วมเก็บหลักฐานและชันสูตรพลิกศพ
ส่งศพชันสูตร
ขณะที่ผู้ก่อเหตุทราบชื่อภายหลังคือ นายเวียน เอียดชูทอง อายุ 60 ปี เจ้าของบริษัทวังวิเศษ ทราเวล เซอร์วิส บริษัทรถแท็กซี่โดยสารรับจ้างซึ่งอยู่ติดกับร้านรับฝากรถจักรยานยนต์ที่พบศพนายประกอบ ซึ่งนายเวียนอยู่ในอาการมึนเมาสุราอย่างหนัก หลังก่อเหตุได้รออยู่บริเวณใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว พร้อมยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ เป็นปืนพกสั้นยี่ห้อลูเกอร์ ขนาด 9 ม.ม. และมีกระสุนบรรจุในแม็กกาซีนอีก 1 นัด
อาวุธสังหาร
จากการสอบถามนายเวียนผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นระบุว่าสาเหตุมาจากความขัดแย้ง และความไม่พอใจนายประกอบผู้ตาย จึงตัดสินใจก่อเหตุขึ้น โดยผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมาพูดจาวกไปวนมา และอาเจียนเป็นระยะ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่สภ.เมืองภูเก็ต
จากการสอบถามผู้ที่อยู่ใกล้เคียงขณะเกิดเหตุ เล่าว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นครั้งแรก 2 นัด จากร้านรับฝากรถจักรยานยนต์ จากนั้นไม่นานก็ได้ยินเสียงรัวเป็นชุดประมาณ 4-5 นัด ก่อนจะทราบว่านายเวียนมือปืนได้ก่อเหตุยิงนายประกอบเสียชีวิตภายในร้านรับฝากรถจักรยานยนต์ ก่อนจะวิ่งไล่ยิงนายยอดต่อ โดยนายยอดซึ่งเห็นผู้ก่อเหตุเดินถือปืนเข้ามาก็รีบวิ่งอ้อมอาคารผู้โดยสาร แต่ถูกยิงใส่จนบาดเจ็บ ก่อนวกกลับมาล้มลงที่บริเวณด้านข้างอาคาร จึงถูกจ่อยิงซ้ำอีกจนเสียชีวิตในที่สุด
วันรุ่งขึ้นพ.ต.ต.หญิง นุชรี ล่องแก้ว สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.เมือง นำตัวนายเวียนที่ถูกแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุสมควร มาทำแผนรับคำสารภาพ ณ จุดเกิดเหตุ ตั้งแต่เจ้าตัวนั่งดื่มยาดองรอหลังจากเลิกงาน
นายประกอบ ชูทอง
จากนั้นลงมือยิงผู้เสียชีวิตรายแรกและอ้อมไปยิงผู้เสียชีวิตรายที่ 2 แล้วกลับมานั่งรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระหว่างการทำแผนฯ และสอบสวนนายเวียนไม่ยอมปริปากบอกถึงสาเหตุที่ลงมือก่อเหตุสยองครั้งนี้ หนำซ้ำยังให้การว่าจำไม่ได้ด้วยว่าก่อเหตุยิงนายยอด ตำรวจจึงนำตัวกลับไปที่ สภ.เมืองภูเก็ต ก่อนนำส่งศาลจังหวัดภูเก็ตเพื่อดำเนินคดีต่อไป
ขณะที่จากการสอบถามผู้รู้จักกับทั้งผู้ตายและผู้ก่อเหตุ ได้ข้อมูลว่า นายเวียนเคยเป็นประธานสหกรณ์บริการรถยนต์รับจ้างมาก่อน พอหมดวาระแล้วจึงยกตำแหน่งให้นายยอด ที่เป็นคนสนิทขึ้นเป็นประธานคนใหม่ จากนั้นนายเวียนก็ได้หันไปทำธุรกิจจองตั๋วเรือโดยสาร แต่ยังคงมีธุรกิจคิวรถแท็กซี่เล็กๆ อยู่ในบขส.
นายยอด แซ่หลี
ต่อมาทั้งคู่มีปัญหากันเรื่องตัดราคาแย่งลูกค้ากันเอง ทำให้นายยอดมีลูกค้ามากกว่า จึงเก็บความแค้นสะสมไว้เรื่อยมา ส่วนนายประกอบปกติจะคอยดูแลรับฝากรถจักรยานยนต์ ไม่ค่อยมีปัญหาอะไรกับนายเวียน แต่บางครั้งที่ลูกค้ารถแท็กซี่สู้ราคาคิวรถของนายยอดและนายเวียนไม่ไหว นายประกอบก็จะรับลูกค้าและวิ่งรถแท็กซี่เอง โดยคิดค่ารถราคาถูก คาดว่าจุดนี้อาจจะทำให้นายเวียนรู้สึกไม่พอใจที่โดนแย่งลูกค้าไปเช่นกัน
ไม่ว่าสาเหตุจะมาจากอะไร แต่ก็ไม่เปลี่ยนผลของคดีไปได้